เนื้อหาในโพสต์
พูดถึง “ถ้ำ” หลายคนอาจจะกลัว เพราะคิดว่าถ้ำเข้าไปแล้วจะเจอแต่ความมืด มีค้างคาว และสิ่งลี้ลับที่มองไม่เห็นอยู่ในนั้น ยิ่งมีข่าวในปีก่อนๆที่เด็กๆติดถ้ำที่เชียงราย ทำให้บางคนกลัวการไปเที่ยวถ้ำขึ้นมา แต่ถ้ำสวยๆ ไม่น่ากลัวก็มี ดังเช่น 10 ถ้ำที่เราเอามาแนะนำกันนี้เป็นถ้ำที่ต่างจากสิ่งที่คนทั่วไปคิด ข้างในสวยงามไปด้วยหินงอกหินย้อย ทั้งยังมีไฟส่องสว่าง ไม่น่ากลัวเลยสักนิด วันหยุดยาวที่จะถึงนี้ ไม่รู้จะไปเที่ยวไหนดี ลองเปิดใจไปเที่ยวถ้ำเหล่านี้ดูกันนะคะ
1. ถ้ำพระยานคร จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
ถ้ำพระยานครตั้งอยู่ในเขตของ อุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด ตำบลเขาแดง อำเภอกุยบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ถ้ำแห่งนี้ถูกค้นพบโดยเจ้าพระยานคร ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 1 มีจุดเด่นอยู่ตรงที่มีพระที่นั่งคูหาคฤหาสน์ พลับพลาที่ประทับของรัชกาลที่ 5 ตั้งอยู่ภายใน ช่วงเวลาเดือนพฤศจิกายน – กุมภาพันธ์ เวลา 10.30 – 11.30 น. โดยประมาณ จะมีแสงอาทิตย์ส่องผ่านปล่องลงมาตกกระทบตรงพลับพลา เป็นภาพที่สวยงามตระการตายิ่ง ภายในถ้ำก็กว้างขวาง มีปล่องให้แสงลอดเข้ามา สามารถเดินเที่ยวได้แบบง่ายๆ ไม่อันตราย
2. ถ้ำภูผาเพชร จังหวัดสตูล
ถ้ำภูผาเพชรตั้งอยู่ที่หมู่ 9 บ้านป่าพน ตำบลปาล์มพัฒนา อำเภอมะนัง จังหวัดสตูล ได้ชื่อว่าเป็นถ้ำขนาดใหญ่อันดับ 4 ของโลก ถ้ำนี้เคยเป็นที่อยู่อาศัยของมนุษย์ยุคก่อนประวัติศาสตร์ หรือราวๆ 3,000 ปีมาแล้ว เนื่องจากมีการค้นพบทั้งกระดูกมนุษย์ยุคโบราณและเศษภาชนะดินเผาเคลือบต่างๆ ภายในถ้ำมีพื้นที่มากกว่า 50 ไร่ ทางเข้าถ้ำอาจจะดูแคบแต่ข้างในกลับกว้างขวาง โอ่อ่า มีห้องโถงรวมกันกว่า 20 ห้อง ห้องที่เป็นไฮไลต์ของถ้ำแห่งนี้ คือ ห้องภูผาเพชร มีหินงอกหินย้อยเหมือนเกล็ดเพชรระยิบแวววาว เมื่อกระทบเข้ากับแสงไฟจะยิ่งดูสวยเกินคำบรรยายมาก ใครที่อยากไปชมความงามของถ้ำระดับโลกนี้ ต้องห้ามพลาดแล้วค่ะ
3. ถ้ำเขาหลวง จังหวัดเพชรบุรี
ถ้ำเขาหลวงตั้งอยู่บนเขาหลวง ตำบลธงชัย อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบุรี ภายในประดิษฐานพระพุทธรูป ตั้งเรียงรายกันอย่างสวยงาม ส่วนไฮไลต์ของการมาเที่ยวถ้ำเขาหลวงคือการชมแสงอาทิตย์ที่ส่องลอดผ่านเข้ามาตกกระทบกับแนวหินเป็นภาพที่อัศจรรย์และงดงามมาก โดยช่วงเวลาที่จะมีแสงส่องลงมาเยอะที่สุดคือเวลาประมาณ 09.30-10.30 น. อีกทั้งลักษณะของลำแสงจะแตกต่างกันไปตามสภาพอากาศในแต่ละฤดูอีกด้วย ถ้ำเขาหลวงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจมาก แถมยังอยู่ใกล้กรุงเทพนี้เอง ช่วงวันหยุดยาวที่จะถึงนี้ไม่ควรพลาดที่จะไปชมความสวยงามนี้กันค่ะ
4. ถ้ำสีฟ้า จังหวัดตาก
ถ้ำสีฟ้าตั้งอยู่ในสำนักสงฆ์พุทธคยาถ้ำสีฟ้า หมู่ 6 ตำบลแม่กุ อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ภายในถ้ำสีฟ้ามีหินสีฟ้าลวดลายสวยงามที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของสสารในพื้นผนัง และหินงอกหินย้อยที่สวยอลังการไม่แพ้ถ้ำไหนๆในไทย นอกจากนี้ ภายในถ้ำยังมีพระพุทธรูปและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆให้นักท่องเที่ยวได้เข้าไปกราบไหว้สักการะกัน สามารถเดินเที่ยวชมรอบๆ ถ้ำได้เลย เพราะจะมีทางเดินยาวไปตามทางอย่างดีประมาณ 100 เมตร ไปและกลับทางเดียวกัน แต่ในถ้ำจะมีไฟส่องสว่างเป็นบางจุดเท่านั้น ฉะนั้นนักท่องเที่ยวควรเตรียมไฟฉายไปด้วยค่ะ
5. ถ้ำธารลอด จังหวัดกาญจนบุรี
ถ้ำธารลอดตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเฉลิมรัตนโกสินทร์ อำเภอศรีสวัสดิ์ จังหวัดกาญจนบุรี เป็นสิ่งมหัศจรรย์ของธรรมชาติที่เกิดจากการยุบตัวของหินปูนและการกัดเซาะของน้ำ ทำให้เขาหินปูนกลายสภาพเป็นสะพานธรรมชาติขนาดใหญ่ ภายในถ้ำมีหินงอกหินย้อยรูปร่างสวยงาม เวลาโดนแสงไฟกระทบ จะส่องเป็นประกายวิบวับสวยงาม บรรยากาศภายในถ้ำก็เย็นสบายไปด้วยน้ำที่ไหลใต้ถ้ำ พื้นที่กว้างขวาง มีไฟส่องสว่างตลอดทาง ทำให้เดินสำรวจถ้ำง่าย นอกจากนี้ถ้ำธารลอดยังเป็นสถานที่แห่งประวัติศาสตร์อีกด้วย เพราะมีหลักฐานว่าเป็นทางเดินทัพของพม่าและกองทัพญี่ปุ่น และในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 กองทัพญี่ปุ่นก็ได้เดินทัพผ่านบริเวณนี้เช่นเดียวกัน
6. ถ้ำเขาบิน จังหวัดราชบุรี
ถ้ำเขาบินตั้งอยู่ที่ ตำบลหินกอง อำเภอเมืองราชบุรี จังหวัดราชบุรี เป็นถ้ำธรรมชาติตั้งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ภายในถ้ำเต็มไปด้วยหินงอกหินย้อย มีการประดับไฟหลากสี เพื่อเน้นให้เห็นความสวยงามของหินงอกหินย้อยอย่างชัดเจน ภายในถ้ำเขาบินแบ่งออกเป็น 8 ห้อง แต่ละห้องก็มีความสวยงามและเสน่ห์แตกต่างกันไป นักท่องเที่ยวสามารถชมความงามของถ้ำได้อย่างเพลิดเพลินเต็มที่ เพราะพื้นที่ภายในถ้ำมีมากกว่า 5 ไร่เลยทีเดียว
7. ถ้ำเลเขากอบ จังหวัดตรัง
ถ้ำเลเขากอบตั้งอยู่ที่อำเภอห้วยยอด จังหวัดตรัง เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวอันซีนที่ใครๆก็อยากไปสัมผัส ภายในถ้ำนักท่องเที่ยวจะได้พบกับหินงอกหินย้อยรวมระยะทางกว่า 4 กิโลเมตร ถ้ำห้องสุดท้ายจะไม่สามารถเดินเข้าไปชมได้ ต้องใช้เรือในการเข้าไปชมถ้ำ โดยการนอนราบไปกับเรือตลอดระยะทาง เพื่อลอดเพดานถ้ำส่วนที่ต่ำที่สุด มืดที่สุด และแคบที่สุด เนื่องจากภายในถ้ำมีทางน้ำใต้ดินไหลผ่าน นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสช่วงเวลาที่ตื่นเต้น เพราะบางช่วงหน้าและตัวแทบจะติดไปกับผนังของถ้ำเลย แถมยังมีความเชื่อด้วยว่าการได้ลอดผ่านจุดนี้ เปรียบเสมือนการนอนลอดผ่านท้องมังกรซึ่งถือเป็นสิริมงคลยิ่ง
8. ถ้ำหลวง ขุนน้ำนางนอน จังหวัดเชียงราย
วนอุทยานถ้ำหลวง ขุนน้ำนางนอน ตั้งอยู่ที่อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย นักธรณีวิทยาได้จัดลำดับให้ถ้ำหลวงเป็นถ้ำที่ยาวเป็นอันดับ 4 ของประเทศไทย มีลักษณะเป็นถ้ำหินปูนขนาดใหญ่ มีค้างคาวอาศัยอยู่ มีน้ำซับตลอดปี และมีน้ำไหลมากในช่วงฤดูฝน จึงห้ามนักท่องเที่ยวเข้าไปเที่ยวในถ้ำช่วงฤดูนี้เป็นอันขาด ภายในถ้ำมีหินงอกหินย้อยสวยงาม และมีค้างคาวอาศัยอยู่ จากข่าวโด่งดังในการช่วยเหลือเหล่า 13 หมูป่าออกถ้ำเมื่อปี พ.ศ.2561 จึงทำให้ถ้ำหลวงกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังที่ทั้งคนไทยและต่างประเทศอยากจะมาเยี่ยมชมถ้ำแห่งนี้สักครั้ง
9. ถ้ำน้ำลอด จังหวัดแม่ฮ่องสอน
ถ้ำน้ำลอดตั้งอยู่ที่ตำบลถ้ำลอด อำเภอปางมะผ้า จังหวัดแม่ฮ่องสอน เป็นถ้ำที่มีชื่อเสียง สวยงาม และเข้าชมได้ง่ายที่สุดในบรรดาถ้ำทั้งหมด การเข้าชมถ้ำจากด่านด้านหน้าต้องเดินเท้าเข้าไปประมาณ 350 เมตร พร้อมคนนำทางและตะเกียงส่องทาง สาเหตุที่ไม่มีการติดตั้งไฟในถ้ำต่างๆ ก็เพื่อเป็นการรักษาถ้ำเหล่านี้ให้สวยงามและคงเดิมอยู่ตลอดเวลา ถ้ำน้ำลอดเป็นถ้ำที่มีน้ำไหลผ่านตั้งแต่ปากทางเข้าถ้ำไปจนถึงถ้ำสุดท้าย ดังนั้นการเข้าชมถ้ำจึงต้องอาศัยการนั่งแพเข้าไป และต้องอาศัยไกด์นำทางด้วย นอกจากนี้ถ้ำน้ำลอดยังเป็นแหล่งโบราณคดีที่สำคัญของจังหวัดแม่ฮ่องสอน มีการค้นพบเครื่องมือเครื่องใช้ในสมัยโบราณภายในถ้ำ คาดกันว่าถ้ำนี้น่าจะมีอายุราว 2,000 ปีมาแล้ว
10. ถ้ำปะการัง จังหวัดสุราษฎร์ธานี
ถ้ำปะการังตั้งอยู่ในเขื่อนเชี่ยวหลาน จังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นถ้ำที่มีน้ำไหลผ่านตลอด มีหินงอกหินย้อยแตกเป็นหน่อเล็กๆรูปร่างหน้าตาคล้ายปะการัง ว่ากันว่าถ้ำแห่งนี้เคยอยู่ใต้ท้องทะลมาก่อนเลยทำให้หินงอกหินย้อยรูปร่างหน้าตาเหมือนกับปะการัง และยังพบฟอสซิลสัตว์ทะเลเซลล์เดียวอายุกว่า 250 – 400 ล้านปี ในหินปูนอีกด้วย ข้างในถ้ำค่อนข้างมืดสนิท ดังนั้นนักท่องเที่ยวควรพกไฟฉายติดตัวไปด้วย ข้อควรระวังในการไปเที่ยวถ้ำแห่งนี้คือ ห้ามจับหินงอกหินย้อยภายในถ้ำเด็ดขาด และไม่ควรถ่ายรูปโดยใช้แฟลช เนื่องจากมีผลเสียต่อการงอกของถ้ำค่ะ
