เนื้อหาในโพสต์
หูฟังเป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์ไอทีที่ช่วยอำนวยความสะดวกได้มาก ทั้งใช้ฟังเพลง เล่นเกม ดูหนัง คุยโทรศัพท์ ยิ่งได้ใช้หูฟังไร้สาย หรือหูฟัง True Wireless ยิ่งสามารถทำกิจกรรมอื่นๆได้อย่างสะดวกโดยไม่ต้องพกโทรศัพท์ไว้ใกล้ๆตัว คุณสามารถฟังเพลงไปด้วยพร้อมกับออกกำลังกาย หรือคุยโทรศัพท์ไปด้วยพร้อมกับทำงานบ้าน โดยไม่ต้องกังวลว่าเสียงที่คุณฟังจะรบกวนคนอื่น ส่วนเรื่องคุณภาพเสียงบอกเลยว่าดีมาก เสียงนุ่ม ฟังชัด อีกทั้งดีไซน์หูฟังบางยี่ห้อยังล้ำสมัยไปอีก สำหรับใครที่กำลังตามหาว่าจะซื้อหูฟังไร้สายยี่ห้อไหนดี ในบทความนี้เราก็ได้รวบรวมมาให้คุณแล้ว กับ 10 หูฟังไร้สาย ยี่ห้อที่ดีที่สุดของปี 2022
1. Sony WF-1000XM3
เป็นหูฟังที่คุณภาพเสียงดีมาก ระบบจะปรับเบสให้ตรงกับสไตล์ในการฟังเพลงของแต่ละคน ปรับใช้ได้ทั้งกับการเล่นเกม ฟังเพลง หรือแม้แต่ดูภาพยนตร์กันเลยทีเดียว มีฟังชั่น Adaptive Sound ตรวจจับเสียงรบกวนภายนอกและตัดเสียงออกโดยอัตโนมัติตามระดับความดังของสถานที่ที่ผู้ใช้งานอยู่ในขณะนั้น มีเซ็นเซอร์ตรวจจับใบหูเพื่อหยุดการใช้งานชั่วคราวเมื่อถอดหูฟังออก และเปิดการใช้งานต่อเมื่อใส่หูฟังกลับเข้าไปในช่องหู สามารถเล่นต่อเนื่องสูงสุด 24 ชั่วโมงรวมชาร์จจากกล่องชาร์จ ชาร์จหูฟังจากกล่องชาร์จเพียง 10 นาที สามารถเล่นเพลงได้สูงสุด 90 นาที
รูปลักษณ์ภายนอกก็ออกแบบมาได้อย่างเฉียบล้ำ ด้วยพลาสติกเคลือบแบบด้าน ป้องกันรอยนิ้วมือและสิ่งสกปรกได้เป็นอย่างดี มีให้เลือก 2 สี คือ ดำและทอง
2. Apple AirPods (3rd generation)
Apple AirPods (3rd generation) มาพร้อมไมโครโฟนที่รับเสียงได้คมชัดในระดับผู้นำของวงการ และยังมาพร้อมเซ็นเซอร์ตรวจจับผิวหนังหรือเซ็นเซอร์ตรวจจับการสวมใส่ที่จะเล่นและหยุดโดยอัตโนมัติ พร้อมมาตรฐานกันน้ำกันเหงื่อ IPX4 นอกจากนี้แบตเตอรี่ยังใช้งานได้นานถึง 6 ชั่วโมง จากนั้นชาร์จเพิ่มจากเคสได้รวมเป็น 30 ชั่วโมง รวมถึงตัวเคสเองก็มาพร้อมมาตรฐานกันน้ำ IPX4 และยังรองรับการชาร์จไร้สาย MagSafe ได้อีกด้วย
สำหรับรูปลักษณ์ภายนอกของหูฟังรุ่นนี้จะคล้ายกันกับรุ่น AirPods Pro แต่มีน้ำหนักที่เบากว่า เพียงข้างละ 4.28 กรัม พร้อมการเชื่อมต่อไร้สายผ่าน Bluetooth 5.0 ที่ให้สัญญาณที่เสถียร ระยะเชื่อมต่อไกลถึง 10 เมตร และยังเชื่อมต่อได้ง่ายกับอุปกรณ์ Apple เพียงสัมผัสเดียวผ่าน Pop-Up รวมถึงเมื่อเชื่อมต่อแล้วสามารถสลับไปใช้งานและควบคุมได้จากทุกอุปกรณ์ Apple ที่ใช้ ID เดียวกันได้อีกด้วย
3. Marshall Minor III True Wireless
เป็นหูฟังที่จัดเต็มทั้งสเปคและฟังก์ชั่นการใช้งาน โดยสามารถควบคุมการใช้งานได้อย่างสะดวกเพียงปลายนิ้วสัมผัส มีเซนเซอร์ตรวจจับการสวมใส่ที่จะเล่นและหยุดเพลงตามการสวมใส่โดยอัตโนมัติ นอกจากนี้ยังมาพร้อมไมโครโฟนข้างละ 1 ตัว ที่เก็บเสียงได้อย่างดีมาก คุณภาพเสียงเป็นเอกลักษณ์ในแบบ Marshall โดยเฉพาะเสียงร้อง เสียงดนตรีที่เด่นชัด แม้เบสอาจจะไม่ได้โดดเด่นมาก ฟังเพลง หรือดูหนังก็ลงตัว และแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ต่อเนื่องนาน 5 ชั่วโมง จากนั้นสามารถชาร์จเพิ่มได้จากเคสสำหรับชาร์จและพกพาได้อีก 4 ครั้งรวมแล้วใช้งานได้ต่อเนื่องยาวนานถึง 25 ชั่วโมง
การออกแบบเป็นสีดำ ให้ความดุดันตามสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ พร้อมขนาดที่เล็กกะทัดรัดและน้ำหนักที่เบาเพียงข้างละ 4 กรัมเท่านั้น สามารถกันน้ำกันฝุ่นใส่ออกกำลังได้
4. Xiaomi Mi Redmi Airdots
Xiaomi Mi Redmi Airdots รองรับเทคโนโลยี DSP จึงช่วยลดเสียงรบกวนจากสิ่งแวดล้อมภายนอกได้ดี ทำให้สื่อสารกับปลายสายได้ค่อนข้างชัดเจน มีไมโครโฟนในตัว สามารถรับสายเพื่อพูดคุยกับสายเรียกเข้า หรือพูดเพื่อสั่งงาน Google Assistant หรือ Siri ได้ทันที คุณภาพเสียงก็ทำออกมาได้ดี เป็นโทนเสียงแบบกลางๆ ไม่หนักไปทางใดทางหนึ่ง สามารถใช้งานในการฟังเพลงได้ทุกแนว
ดีไซน์ก็ออกแบบมาได้สวยงาม น้ำหนักเบา สามารถสวมใส่เพื่อใช้งานแบบต่อเนื่อง 2 – 3 ชั่วโมง นอกจากนี้ยังมีเคส กับตัว Earbud ให้เปลี่ยนตามขนาดของหูผู้ใช้หูฟังไร้สายด้วย
5. Bose QuietComfort Earbuds True Wireless
Bose QuietComfort Earbuds True Wireless ใช้เทคโนโลยี Active EQ ที่ช่วยปรับระดับเสียง โดยนวัตกรรมนี้จะช่วยเพิ่มเสียงต่ำและเสียงสูงโดยอัตโนมัติ ส่วนไมโครโฟนสำหรับรับเสียงสนทนาที่รับเสียงพูดได้อย่างคมชัด ตัดเสียงแทรกออกไปได้อย่างหมดจด การควบคุมตัวอุปกรณ์ผ่านระบบสัมผัสที่สามารถทำได้อย่างง่ายดาย พร้อมเซนเซอร์ตรวจจับการสวมใส่แบบอัตโนมัติ
เป็นหูฟังที่ใส่สบายมาก ด้วย Eartip ที่ถูกออกแบบโดยวิศวกรที่มีความเชี่ยวชาญอย่าง StayHear® Max รุ่นใหม่ล่าสุด สามารถใส่ออกกำลังกายได้ด้วยมาตรฐานกันเหงื่อ IPX4 แบตเตอรี่ใช้งานได้สูงสุด 6 ชั่วโมง และสามารถใช้งานได้เพิ่มเติมอีก 12 ชั่วโมงเมื่อชาร์จผ่านตัวเคส รวมแล้วใช้งานได้ 18 ชั่วโมง นอกจากนี้ตัวเคสยังรองรับการชาร์จแบบไร้สายด้วยอุปกรณ์ที่ได้รับการรองรับมาตรฐาน Qi อีกด้วย
6. Razer Hammerhead True Wireless 2nd Gen
คนไหนที่เป็นสายเกมต้องหูฟังตัวนี้เลย เป็นหูฟังที่ออกแบบมาเพื่อสายเกมโดยเฉพาะ การเชื่อมต่อไร้สายโดยเฉพาะ Gaming Mode ที่มีความหน่วงต่ำหรือ Low Latency แบบภาพกับเสียงไปด้วยกันได้อย่างลื่นไหล ไม่มีสะดุด ระบบตัดเสียงรบกวน Active Noise Cancellation ที่จะช่วยลดเสียงรอบข้าง ให้ผู้ใช้งานได้รับฟังเสียงแบบเต็มพลัง ไมโครโฟนที่มาพร้อม Environmental Noise Cancellation ที่จะช่วยตัดเสียงเสียงและเสียงรบกวนขณะสนทนา นอกจากนี้ยังมาพร้อมไฟ RGB 16.8 ล้านสี ให้ผู้ใช้งานปรับแต่งได้ตามความชอบ
ดีไซน์สวย ทันสมัย เป็นโทนสีดำตัดกับสีเขียวสะท้อนแสง ที่มองดูก็รู้เลยว่าเป็นยี่ห้อ Razer แน่ๆ แบตเตอรี่ใช้งานได้นาน 6 ชั่วโมง รวมเคส 32.5 ชั่วโมง แต่เคสไม่รองรับการชาร์จไร้สาย สามารถใช้ใส่ออกกำลังกายได้
7. Beats Fit Pro True Wireless
จุดเด่นของ Beats Fit Pro True Wireless อยู่ที่การตัดเสียงรบกวน หรือ Active Noise Cancelling โดยสามารถตัดเสียงรบกวนได้อย่างเงียบสนิท และโหมด Transparency ที่สามารถรับเสียงจากภายนอกได้อย่างคมชัดในระดับเดียวกับขณะไม่สวมใส่หูฟังอยู่ นอกจากนี้ยังมาพร้อมไมโครโฟนคู่แบบบีมฟอร์มิ่งที่รับเสียงพูดได้คมชัด ตัดเสียงแทรกและเสียงลมได้ดี ทำให้ได้ยินเสียงสนทนาอย่างชัดแจ๋ว
ด้วยความที่หูฟังมีขนาดที่เล็กและมีน้ำหนักเบาเพียงข้างละ 5.6 กรัม จึงพกพาสะดวก และแนบเข้ากับช่องหูได้เป็นอย่างดี สำหรับแบตเตอรี่ของหูฟังรุ่นนี้สามารถใช้งานได้อย่างยาวนานถึง 6 ชั่วโมง จากนั้นจึงชาร์จเพิ่มจากเคสชาร์จได้อีกรวมเป็น 24 ชั่วโมง พร้อมกับฟังก์ชันชาร์จเร็ว Fast Fuel ตามมาตรฐานของ Beats ใช้เวลาชาร์จเพียง 5 นาทีสามารถใช้งานได้ 1 ชั่วโมง
8. SoundPeats Mini True Wireless
จุดเด่นของ SoundPeats Mini True Wireless คือมีไมโครโฟนที่มาพร้อม AI ตัดเสียงแทรกอัจฉริยนะ ที่จะเรียนรู้เสียงพูดและเสียงแทรกหรือเสียงลมจากภายนอก จากนั้นจะทำการประมวลผล และตัดเสียงแทรกออกให้เหลือแต่เสียงสนทนาที่คมชัด
ขนาดของหูฟังมีขนาดที่เล็กมาก น้ำหนักเพียงข้างละ 4.2 กรัมเท่านั้น ถึงแม้ตัวหูฟังจะเล็กแต่แบตเตอรี่สามารถใช้งานได้นานถึง 7 ชั่วโมง จากนั้นชาร์จเพิ่มจากเคสได้อีกรวมแล้วใช้งานได้ 27 ชั่วโมง
9. Jabra Elite 4 Active True Wireless
ฟังก์ชันเด่นของ Jabra Elite 4 Active คือการตัดเสียงรบกวน Active Noise Cancelling และโหมดรับเสียงจากภายนอกหรือ Hearthrough ด้วยไมโครโฟนภายในถึง 4 ตัวแบบ MEMS ที่ยังใช้รับเสียงสนทนาโทรศัพท์ได้อย่างคมชัด รวมไปถึงยังตัดเสียงแทรกรอบข้างได้เป็นอย่างดี พร้อมมาตรฐานกันน้ำกันเหงื่อและกันฝุ่นที่ระดับ IP57 ที่สามารถนำไปล้างน้ำได้สบายๆ แต่ใส่ว่ายน้ำหรือใส่ลงไปในน้ำไม่ได้
ดีไซน์โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ และมีน้ำหนักที่เบา เพียงข้างละ 5 กรัมเท่านั้น แบตเตอรี่ที่ใช้งานได้นาน 7 ชั่วโมงจากนั้นชาร์จเพิ่มจากเคสได้อีกรวมเป็น 28 ชั่วโมง พร้อมฟังก์ชันชาร์จเร็วเพียง 10 นาทีสามารถใช้งานได้นานถึง 1 ชั่วโมง สามารถตั้งค่าได้เพิ่มเติมรวมถึงปรับ EQ ได้ผ่าน App Jabra Sound+
10. Sennheiser CX200 True Wireless
Sennheiser CX200 True Wireless มาพร้อม Bluetooth รุ่นใหม่ล่าสุดเวอร์ชัน 5.2 ที่สามารถใช้งานแยกข้าง ซ้ายขวาได้อย่างอิสระ เก็บ 1 ข้างใช้งาน 1 ข้างได้ตลอดเวลา พร้อมการควบคุมด้วยระบบสัมผัสที่สามารถตั้งค่าการใช้งานได้เพิ่มเติมอิสระด้วยแอพ Smart Control ที่ยังสามารถใช้งานปรับแนวเสียงได้อีกด้วย มาพร้อมไมโครโฟนสำหรับรับเสียงสนทนาโทรศัพท์แบบ Beamforming ข้างละ 2 ตัว (รวม 4 ตัว)
รูปลักษณ์ภายนอกดูเรียบหรูตามสไตล์ของ Sennheiser พร้อมน้ำหนักที่เบา เพียงข้างละ 6 กรัม แบตเตอรี่ใช้งานเฉพาะตัวที่หูฟังได้นาน 9 ชั่วโมง ชาร์จเพิ่มจากเคสได้อีกรวมเป็น 27 ชั่วโมง
